เยอรมนี ของกุนซือยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เปลี่ยนทีม 3 ตำแหน่ง ไม่มีโจนาธาน ทาห์ที่ติดโทษแบน ส่วนแนวรุกส่งลีรอย ซาเน่ ลงเล่นแทน ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
ส่วนเดนมาร์ก ขาดแข้งตัวหลักที่ติดโทษแบนเช่นกันคือ มอร์เตน ฮุลมานด์ แต่ผู้เล่นที่เหลือลงครบทีม นำโดยคริสเตียน เอริคเซ่น และราสมุส ฮอยลุนด์
เริ่มเกม แค่ 5 นาที เยอรมนีเกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกโหม่งของนิโค่ ชล็อตเตอร์เบ็ค แต่ VAR เช็กแล้ว มีจังหวะทำฟาวล์ ทำให้ยังสกอร์ไม่ขยับ
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผู้ตัดสินตัดสินใจยุติการแข่งขันชั่วคราว จากสภาพอากาศในสนามที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเสี่ยงต่อฟ้าผ่า เกมหยุดไปกว่า 10 นาที ก่อนจะกลับมาแข่งต่อ และเดนมาร์ก เกือบตีเสมอได้จากราสมุส ฮอยลุนด์ ถึง 2 จังหวะ แต่ก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลัง มีจุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้น เขี่ยบอลแค่ไม่กี่อึดใจ โยอาคิม อันเดอร์เซ่น เติมเกมขึ้นมาทำประตูให้เดนมาร์กออกนำก่อน 1-0 แต่ VAR ริบสกอร์คืนเพราะล้ำหน้าไปก่อน และถัดจากนั้นไม่กี่นาที แอนเดอร์เซ่นไปทำแฮนด์บอล เป็นอินทรีเหล็กได้จุดโทษ ก่อนที่ไค ฮาแวร์ตซ์ จะซัดไม่เหลือ กลายเป็นเจ้าถิ่นได้ขึ้นนำ 1-0
นาที 68 นิโค่ ชล็อตเตอร์เบค วางบอลยาวให้ จามาล มูเซียล่า หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูให้เยอรมนีนำห่าง 2-0 ทัพโคนมพยายามแก้เกม ขนแนวรุกลงเต็มพิกัดทั้งโยนาส วินด์ และยุสซุฟ โพลเซ่น แต่ก็ทวงประตูไม่ได้ ก่อนที่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เยอรมนีเกือบได้ลูกที่ 3 จากเวียร์ตซ์ ที่ลงมาสำรอง แต่ก็ยังล้ำหน้าไปอีก จบเกมเยอรมนี ชนะ เดนมาร์ก 2-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปรอพบผู้ชนะระหว่างสเปน กับ จอร์เจีย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เยอรมนี (4-2-3-1) มานูเอล นอยเออร์,โยซัว คิมมิช, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นิโค่ ชล็อตเตอร์เบ็ค, เดวิด เราม์ , โทนี่ โครส, โรเบิร์ต อันดริช,จามาล มูเซียลา, อิลคาย กุนโดกัน, ลีรอย ซาเน่, ไค ฮาแวร์ตซ์
เดนมาร์ก (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล,โยอาคิม อันเดอร์เซ่น, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ,อเล็กซานเดอร์ บาห์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์, โทมัส เดอลานีย์, โยอาคิม เมห์เล่ , คริสเตียน เอริคเซ่น,อันเดรียส สคอฟ โอลเซ่น ,ราสมุส ฮอยลุนด์